นี่คือช่วงขาขึ้นของ iPhone!

ใช่ครับ ฟังไม่ผิดหรอก แต่…

ขาขึ้นมาก่ายหน้าผากไง ไอ้ซั๊สสสสสสสสส (เสียงน้าค่อม)

สืบเนื่องจากที่ทางเพจ “ลงทุนแมน” ได้โพสเกี่ยวกับราคาหุ้นของ Apple

จากโพสนี้ครับ

ฝันร้ายกำลังมาเยือน Apple / โดย ลงทุนแมน

ใครจะไปคิดว่า
ฝันร้ายของ Apple คือ “การเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่”

เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว
Apple กลายเป็นบริษัทเทคโนโลยีแห่งแรก
ที่มีมูลค่าพุ่งสูงเกินกว่าหนึ่งล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

อ่านบทความเต็มของ ลงทุนแมน คลิก Click [+] below.

หนึ่งเดือนต่อมา..

Apple ได้ประกาศเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ทั้งสามรุ่น iPhone XS, iPhone XS Max และ iPhone XR
ซึ่งนักวิเคราะห์จำนวนมากต่างได้คาดการณ์ว่า Apple จะเติบโตขึ้นหลังจากการเปิดตัวครั้งนี้

แต่เรื่องนี้กลับผิดคาด

Apple ต้องเผชิญกับปัญหา iPhone XR ซึ่งเป็นรุ่นเล็กที่สุดในบรรดารุ่นใหม่ทั้งสามรุ่น มียอดสั่งซื้อน้อยกว่าคาด จนต้องลดจำนวนการผลิตลง

และหลังจากนั้นไม่นาน ปัญหานี้ก็ได้เกิดขึ้นกับ iPhone XS และ iPhone XS Max เช่นกัน

กลายเป็นว่า Apple ต้องสั่งลดกำลังการผลิต iPhone รุ่นใหม่ที่เปิดตัวทั้งหมด

นอกจากนั้นทางบริษัท Foxconn ผู้ผลิต iPhone ให้กับ Apple ยังได้ออกมาประกาศอีกว่าจะลดจำนวนพนักงานทั่วไปลงอีก 10%

พร้อมกันนี้ยังวางแผนที่จะลดค่าใช้จ่ายสำหรับธุรกิจ iPhone ลงเป็นมูลค่าทั้งหมด 6 พันล้านหยวน หรือคิดเป็นเงินไทยเกือบ 3 หมื่นล้านบาท

เรื่องทั้งหมดนี้สะท้อนถึงแนวโน้มในอนาคตที่ไม่ค่อยสดใสของ Apple เท่าไรนัก

ในเดือนพฤศจิกายน Apple ได้กล่าวถึงตัวเลขประมาณการของไตรมาสที่ 4 ว่ารายได้ทั้งหมดของบริษัทจะอยู่ที่ประมาณ 89,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 92,880 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

และที่น่าสนใจกว่านั้นก็คือ ทาง Apple กล่าวว่า ต่อจากนี้ไปบริษัทจะไม่รายงานยอดขายที่อยู่ในรูปแบบของจำนวนเครื่องอีกต่อไปแล้ว

เรื่องนี้น่าสนใจที่ว่า Apple จงใจเน้นขายเครื่องที่ราคาสูงขึ้น แต่ทำให้จำนวนเครื่องขายได้น้อยลง

การประกาศในครั้งนั้นได้ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อบริษัท Apple เป็นอย่างมาก
ส่งผลให้หุ้นของบริษัท Apple ปรับลดลงมากถึง 6.4% ภายในวันเดียว

แต่ความโชคร้ายของบริษัท Apple ก็ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น

ในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ได้ทวีความรุนแรงมากขึ้น จากกรณีการจับตัว CFO ของบริษัท Huawei ที่สนามบินของประเทศแคนาดา

เรื่องนี้ได้สร้างความไม่พอใจให้กับรัฐบาลจีน และลุกลามไปถึงบริษัทจีนหลายๆแห่ง
จนถึงขั้นที่ว่าบางบริษัทประกาศว่า พนักงานที่ใช้ iPhone อาจจะไม่ได้รับการเลื่อนตำแหน่ง

ส่วนคนไหนที่ต้องการจะเปลี่ยนจาก iPhone มาใช้ Huawei ทางบริษัทจะมอบเงินบางส่วนให้สำหรับการเปลี่ยนสมาร์ตโฟนในครั้งนี้

อย่างไรก็ตาม ทางบริษัท Apple ยังไม่ได้มีการพูดถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเรื่องนี้

จนล่าสุดเมื่อวันพุธที่ผ่านมา Tim Cook ซีอีโอของบริษัท Apple ได้ออกมาเขียนจดหมายถึงนักลงทุน ซึ่งได้มีการปรับประมาณการรายได้ของบริษัทลงอีกจาก 89,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงมาเหลือเพียง 84,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น

Tim Cook ให้เหตุผลว่า สาเหตุของการปรับลดประมาณการในครั้งนี้มาจากยอดขายของ iPhone ที่ลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศจีนและกลุ่มตลาดเกิดใหม่ โดยอ้างว่าเป็นผลมาจากเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวเป็นอย่างมากในปีที่ผ่านมา

แต่จริงๆแล้วในเวลาเดียวกันสมาร์ตโฟนสัญชาติจีน เช่น Huawei กลับมียอดขายในประเทศเพิ่มขึ้น

Tim Cook พยายามบอกว่าถึงแม้ iPhone ซึ่งเป็นรายได้หลักของบริษัทจะปรับตัวลดลง แต่สำหรับรายได้ส่วนอื่นๆของบริษัทก็ยังคงมีการเติบโตอยู่ และ iPad เองก็เริ่มมีการฟื้นตัวกลับมาอีกครั้งจากการออก iPad Pro หลังจากที่ยอดขายตกลงอย่างต่อเนื่องมานาน

แต่ดูเหมือนว่านักลงทุนจะไม่ค่อยสนใจกับการเติบโตในส่วนอื่นๆนอกเหนือจาก iPhone ตามที่ Tim Cook ได้กล่าวไว้ ส่งผลให้หุ้นของ Apple ปรับตัวลดลงถึง 8% ทันทีหลังการประกาศจดหมายฉบับนี้

หุ้นของบริษัท Apple เคยทำจุดสูงสุดที่ราคา 233.47 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น
ปัจจุบันราคาของหุ้น Apple อยู่ที่ 146 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น ลดลง 37% ภายในเวลาไม่ถึงสามเดือน

ถ้าเทียบเป็นมูลค่าบริษัท เราก็จะพบว่าหายไปเกือบ 4 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
หรือคิดเป็นเงินไทยที่มากถึง 13 ล้านล้านบาทเลยทีเดียว

จากบริษัทที่เคยมีมูลค่ามากสุดในโลก ก็ได้เป็นแค่อดีต เพราะถูกบริษัทอื่นแซงหน้าไ

ที่น่าสนใจคือ การชะลอตัวของบริษัท Apple ในครั้งนี้เริ่มส่งสัญญาณมานานแล้ว

เพราะในช่วงเวลาที่ผ่านมา ยอดขายของจำนวน iPhone ไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างเด่นชัดมาตั้งแต่ปี 2015 แล้ว
ซึ่งการเติบโตของบริษัทในช่วงที่ผ่านมาถูกแทนที่ด้วยการปรับขึ้นราคาสินค้า

จนกระทั่งถึงในรุ่นของ iPhoneX ที่การปรับราคาขึ้น เริ่มส่งผลกระทบต่อการขายของ Apple จนทำให้บริษัทต้องยอมที่จะลดราคาของ iPhoneX หลังจากเปิดตัวได้เพียงเดือนเดียวเท่านั้น

ซึ่งสุดท้ายแล้ว ปัญหานี้ก็ได้กลับมาบานปลายอีกครั้งใน iPhone ทั้งสามรุ่นล่าสุดอย่างที่เราเห็นกัน

สิ่งที่ท้าทายต่อจากนี้ของ Apple ก็คงจะเป็นการสร้างสิ่งใหม่ที่แตกต่างกว่าเดิมให้กับ iPhone
เพื่อให้ผู้ซื้อรู้สึกยอมรับได้กับราคาที่ปรับเพิ่มขึ้

และถ้าทำไม่สำเร็จ Apple อาจจะต้องเสียส่วนแบ่งในตลาดสมาร์ตโฟนไปเรื่อยๆ และจะยังคงอยู่กับฝันร้ายนี้ต่อไป..

จากโพสนั้น วันนั้นผมนอนอยู่บนเตียง กะลังนอนอืดอยู่ เลื่อนลงมาเห็นโพสนี้พอดี

ตอนแรกก็กะว่าจะนอนพิมพ์ธรรมดา แต่รู้สึกว่า มันมีหลายเรื่องที่อยากระบายเหลือเกิน

อยากบอกให้โลกรู้ ให้สาวกที่ใช้ iPhone เหมือนกันรู้ ว่าเรารู้สึกยังไง

พิมพ์ยาวมาก มันมีหลายเรื่องให้ปลดปล่อย 555 ก็ตกใจเหมือนกันว่าคนรู้สึกเหมือนกันเยอะมาก

ณ วันนี้ คนกด Like คอมเมนต์ที่ผมไปโพสไว้ 6.3 K 

นั่นหมายความว่าคนที่รู้สึกเหมือนๆกับเรา เกือบ 7,000 คน

คุณพระ! ไม่น้อยนะครับ นี่แค่แฟนเพจของลงทุนแมน

แล้วคนทั่วโลกล่ะ เค้าจะรู้สึกกันยังไง

และด้านล่างนี้ คือที่ผมคอมเมนต์ไว้ในเพจ ลงทุนแมน ครับ

มี Edit แก้ไขพอสมควร

คือตอนแรกก็กะจะเขียนเป็นภาษาผู้ชายธรรมดาๆแหละ

แต่… เรื่องแบบนี้ มันต้องมีคำหยาบบ้างอะฮะ

อยากให้อารมณ์มันเหมือนกับ จับกลุ่มนั่งนินทาหัวหน้า อะไรประมาณนั้น 555

เลยอยากใช้ภาษาที่มันกันเองนิดนึง ใช้ภาษาวิชาการ มันไม่ได้อรรถรสอะครับ

คำเตือน : บทความมีคำหยาบ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะครับ

คำเตือน 2 : บทความยาวมาก โปรดเตรียมขนม และ เครื่องดื่มให้พร้อม เข้าห้องน้ำห้องท่าให้เรียบร้อย เพื่อความสมูธในการอ่านนะครับ

ถ้าคุณพร้อมแล้ว เชิญครับ

จากใจสาวก Apple คนนึง ที่มี Device ของ Apple เกือบ 20 ชิ้น (หรือเกินวะ)

iphone – ipad – macbook pro – mac pro – mac mini – apple keyboard – magic trackpad – apple tv ยังไม่นับจำนวนรุ่นของ iphone และ ipad อีกนะ 555 และไม่เคยใช้แอนดรอยด์สักรุ่น

บอกตรงๆว่า สมน้ำหน้า ครับ 555 คือเปิดตัว iPhoneXS นี่ บอกเลยว่า แทบจะไม่ได้มีอะไรให้ว่าว เอ้ย WOW เลย แถมราคานี่แบบ MAX 256gb อยู่ที่ 49,900 บาท โอ้โห อีดอกกก คือตั้งราคานี่กะจะรวยแบบฟ้าผ่ากันเลยหรือไง
คือถึงจะได้เต็มๆจากรวยฟ้าผ่าของอีตา ตั๋วร้อน ป๊อปคอร์นชีส มาก็เถอะ (แต่อีตานี่ส่วนมากต้องแทงสวน) เอาส่วนนึงไปจัด Mi8 หรือ Huawei เรือธงเลยดีกว่ามั้ย ที่เหลือนี่อาบน้ำได้หลายรอบเลยนะ 55555

แล้วถ้าบอกว่า ที่มันแพงก็ค่า R&D ไง
เฮลโหลลลลลล สาจ๋าาาาา สาาาาา

แล้วคิดว่าค่ายอื่นเค้าเอางบไป R&D หนังหมีเหรอจ๊ะ
อีดอก อย่ามาอ้างคร่ะ งี้ Xiaomi งบ R&D เค้าไม่บานเป็นกระเบนราหูเลยเหรอคระะะะะะ
สินค้าเค้าเป็นร้อยชนิด อย่ามาอ้างคร่ะ สามคำง่ายๆคือ มึง-หิว-เงิน คร่ะ อีดอกคุก!

อ้อ เสริมอีกนิด พูดถึงเรื่อง R&D อีดอก เอางบไปพัฒนาสายชาร์จมึงบ้าง อีห่านจิก

เครื่องเกือบแสน สายชาร์จมึงนี่ พี่ตูนยังต้องร้อง ช่างเปราะบางเหลือเกินนนน

ละให้ลูกค้าต้องไปหาซื้อไอ้ที่กันสายหักมาเพิ่ม กุถามจริงๆ มันใช่เรื่องของกูมั้ย มันเป็นเรื่องที่มึงต้องพัฒนา อีควัยคุก

ผ่านไปกี่ปี สายชาร์จมึงก็ไม่ได้ดีขึ้นเลยยยยยยย

ละอีดอก เส้นนึงไม่ใช่ 10-20 บาท ขึ้นร้อยทั้งนั้น ยิ่งถ้าในช็อปมึงนี่นะ

อีดอกกกกก สายชาร์จ 2 เมตร 1,190 

เลือดมึงนี่ข้นยิ่งกว่าเมนส์หมาพันธุ์ชิวาวาอีกคร่ะ 

หน้าเลือดเกิ๊นนนนนนน

แพงไม่ว่า แม่งหักง่ายเป็นผู้ป่วยโรคกระดูกพรุนขาดแคลเซียมเลยคร่ะ อีดอก

คือถ้าโลกนี้มันมีมือถือ Apple ยี่ห้อเดียว คงไม่มีปัญหาหรอก
แต่ตั้งราคาขนาดนี้ เคยดูเทคโนโลยีของยี่ห้ออื่นเค้าบ้างมั้ย ตัวเองสเปคก็ไม่ได้เลิศเลออะไร ขายแพงกว่าคนอื่นเค้าตั้งกี่เท่า จะเอาแบงค์ดอลลาร์ไปต้มแดกแก้ไขข้อเสื่อมเหรอคระ อีหน้าหน่อแปด!

เจ็บใจกว่านั้น ก็ไอ้พวกของที่น่าจะต้องมีมาให้ในกล่อง อย่าง Adapter 3.5mm ก็เอาออก ให้ซื้อเพิ่ม โอ้โหหหหห ถ้าจะหน้าเลือดขนาดนี้ มึงเจ๊งไปเถอะครับ 5555

บอกเลยที่ว่าทุกวันนี้ iPhone ยังขายได้ เป็นเพราะ UX ล้วนๆ
อย่างเดียวที่ยังทนใช้ iPhone อยู่ เพราะรู้สึกว่า มันใช้งานง่ายกว่า Android มากๆ แค่นั้น คือมึงยังมีลมหายใจอยู่ได้ ก็เพราะ OS เมิงนั่นแหละ

แต่ๆๆ เชื่อว่าในอนาคต Android น่าจะใช้งานได้ง่ายขึ้น และมีประสิทธิภาพเทียบเคียงกับ iOS ได้ไม่ยาก

ตอนนี้ใช้ i8+ อยู่ ตอนแรกก็กะว่าจะเปลี่ยนเป็น MAX แหละ ตอนดูเปิดตัว คือไม่ได้หวังกับเทคโนโลยีอะไรจาก Apple มากมายนักหรอก (เพราะค่ายอื่นเค้าไปไกลกว่าแล้ว) แค่อยากได้จอที่ใหญ่กว่าเดิม และไม่มีปุ่ม Home อ้อ แล้วก็อยากได้ความจุเพิ่ม จริงๆคิดว่าตัว MAX นี่ น่าจะเริ่มต้นที่ 128 นะ

แต่พอเจอราคาเข้าไป เลิกเลยจ้า MAX เริ่มต้นที่ 64gb เฮลโหลลลลลลลคร่ะซิสสสสส
ตั้งสเปคกับราคาแม่งโคตรกั๊กอะ งี่เง่าชิบหาย คือเหมือนบังคับให้ขยับไปเล่น 256gb ซึ่ง ราคา 50,000 บาท 55555 เอาที่มึงสบายใจเลยจ้า Cook (เบ้ปากมองบน) เมิงคิดว่าสาวกเมิงอยู่ซาอุขุดน้ำมันขายกันทุกคนเหรอ ดกทง!

ส่วนตัวคือมีเงินซื้อนะ ซื้อสดได้หลายเครื่องอยู่ (เดี๋ยวจะโดนแซะว่า ถ้าเราเห็นว่าของแพง แสดงว่าเค้าไม่ได้ผลิตมาให้เราซื้อ อิอิ)
แต่แค่คิดว่า จ่าย 50,000 กับเทคโนโลยีที่ได้รับแค่นี้

แต่ค่ายอื่น 30,000 แต่ได้ใช้อะไรที่มันดีกว่า ล้ำกว่าไปเยอะมาก
ก็เลยไม่รู้จะจ่ายแพงกว่าทำไม

ขอดู iPhone รุ่นถัดไปอีกครั้งเดียว กันยานี้ ขอดูหน่อยว่าจะมีอะไรให้ตื่นเต้นมั้ย แล้วราคาจะถูกกว่าเดิมมั้ย

ถ้าไม่มีอะไรตื่นเต้น แล้วยังราคาแพงอยู่เหมือนเดิม

บ๊ายบายจ้าาาา ขอไปเป็นสาวก Huawei, Samsung ดีกว่า

ปิดท้ายกับประโยคที่ว่า

“ถ้าเราเห็นว่าสินค้านั้นมันแพง แสดงว่าเค้าไม่ได้ทำมาขายให้เรา”

งั้นก็เชิญมึงไปขายคนรวยๆเลยครับ พอดีกูจน 555

ถามว่า Apple ผิดมั้ย ไม่ผิดเลย ไม่ผิดเลยสักนิดเดียว
มึงจะตั้งราคาเป็นแสนเป้นล้านมึงก็ไม่ผิด

แต่เวลาหุ้นตก หรือลงจากการเป็น เบอร์ 1 ด้านตลาดมือถือ

ก็อย่ามาร้องไห้ละกัน

เพราะมึงเลือกทางของมึงเอง

ทางที่เอาแต่ได้ แต่ไม่ให้ใจกับสาวกเลย

นี่บ่นแค่เรื่อง iPhone นะ
ขี้เกียจบ่นเรื่อง Mac อีก เดี๋ยวจะยาว 555

Edit : เออออ ไอ้ Fast Charge อีก ขอด่าเลย อีดอก

มึงบ้าหรือมึงบ้า ราคาครึ่งแสน มึงให้ Adapter ชาร์จมาแบบ สมัย 5-6 ปีที่แล้วอะ

อุปกรณ์ในกล่องสมัย iPhone 5 ละอีดอก กล่องหูฟังยังสวยงาม ใส่กล่องมาอย่างดี สมัยนี้ อีหน้าหมี!!! (เสียงลุงโทนี่) พันมากับกระดาษ อีดกทงงงงงงงงง

เฮลโหลลลลลลลลลววววว นี่ iPhoneXS MAX นะยูวววววววววววว
อีดอก มึงไปซื้อ Adapter Fast charge Hoco ใน Shopee แล้วมาพ่นสีขาว สกรีนโลโก้ Apple ให้กูก็ได้ 150 บาทเอง อีหน้าเลือด

130 เองด้วยคร่ะ อีดอกกกกกกกกก

เจ๊งๆไปเถอะ งี่เง่าชิบหาย อันนี้เคืองสุดๆ

Edit : ที่ต้องบ่นมาขนาดนี้ี เพราะอะไรรู้มั้ย
คือไม่เคยออกตัวเลยว่าเป็นสาวก
กลัวคนอื่นเค้าจะด่าว่า นี่เมิงยังไม่เปิดโลกอีกเหรอ
เวลาเปิดตัวไอโฟนใหม่ กรูก็นั่งแหกหมี ตีสามตีสี่ ดูไปกะเมิงตลอด ด้วยความตื่นเต้น หวังว่าจะเห็นอะไรใหม่ๆ โน้ววววววว ไม่มีอะไรใหม่ (เสียงอาจารย์ธันยวัชร์) จบแบบงงๆ บ่นกับตัวเอง เอ้า อีดอก จบแล้วเหรอเนี่ย ไปถึงออฟฟิศแต่เช้า มีแต่คนผิดหวัง ด่าโง้นงี้
กรูเนี่ย ต้องออกรับหน้าแทนเมิง อีดกทงคุก ต้องไปคอยบอกว่า เห้ย มันใช้ชิบ A12 Bionic เลยนะเว้ยเห้ย อีเพื่อนสวนกลับมาว่า “อ๋อ ชิป A12 512gb ที่อีก 2,000 หกหมื่นอะเหรอ กรูใช้ Kirin 980 2 x Cortex A76 2.6 GHz กล้องไลก้า 3 เลนส์ 30,000 เองคร่ะอีดอก!!!

สวนกลับไปอีกที เห้ย มันเล่นเกม AR ได้เนียนมากเลยนะเว้ย เคยเล่นยัง

ก็โดนตอกกลับมาว่า “หืมมม AR เหรอ มันสนุกมั้ยอะ คนเล่นกันเยอะเลยสิเนอะ นี่ทั้งออฟฟิศเค้าเล่นแต่ ROV ตีป้อมกันย่ะ ไม่ก็ ROM เกม AR อะเหรอ ดูน่าสนใจนะ แต่… เค้าไม่อินกันอะ บรัยยยย” 

กรูต้องเดินคอยห้วยกลับโต๊ะ ด้วยความเจ็บแค้นใจ
คือทั้งคอกมีกูโดนรุมอยู่คนเดียวอะ อีเปรตตตตต

จะบอกไรให้นะคุก เมิงก็น่าจะรู้ดี ตอนนี้อะไรที่มันทำกำไรมากที่สุด ใช่การขายแอพใน App Store ของเมิงมั้ย?
นี่คือขุมทรัพย์เมิงอีคุก เมิงหาแดกกับมันได้อีกนานแสนนาน 

แล้วทีนี้ เมิงจะทุบหม้อข้าวตัวเองด้วยการตั้งราคาไอโฟนให้แพงชนิดที่ว่า เด็กไซด์ไลน์ซ่องเจ๊หวีแม่งยังบ่น
“โหพี่ หนูต้องขายหมีกี่รอบ กว่าจะได้ใช้ไอโฟน”

“กว่าจะได้ไอโฟน หมีหนูไม่เป็นกระเบนราหูไปก่อนเหรอพี่”

ยิ่งคนใช้ไอโฟนน้อย แล้ว AppStore ที่สุดแสนจะเลอเลิศของเมิงจะมีประโยชน์อัลลัยยยย ถ้ามันไม่มี Device จะให้เข้า AppStore เมิงเนี่ย

โอเค เรื่องไอแพด กรูไม่เถียง ว่ามันคือแท็บเลตที่ดีที่สุดในโลกตอนนี้

แต่คิดเอาเองว่า ทั่วโลกเนี่ยคนใช้มือถือหรือแท็บเลตเยอะกว่ากัน

หรือเมิงจะวาง Position ตัวเองเป็น Luxury Mobile Brand อารมณ์ประมาณ LV HERMES Chanel ไรงี้เหรอ

มันไม่ใช่อะกิ๊บ มันไม่ใช่ พวกนั้นมันเป็นสินค้าที่ขาย Emotional ไงกิ๊บ ของเมิงมันคือ Electronics การซื้อด้วย Emo มันต่างกับสินค้าเมิงคนละฟากฟ้าเลยโว้ย

A12 ที่เมิงภูมิใจนักหนาอะ ครึ่งปีเค้าก็ตามกันทันแล้ว ดกทง แต่ไอ้พวกของแบรนด์เนมระดับโลกนั่น 10-20 ปี ราคามันยังไม่ตกเล้ย

ฝากไว้ให้คริสคร่ะซิสสสสสส บรัยยยยยย

ปิดท้ายด้วย Meme นี้ละกันนะฮะ